ทีมลดต้นทุนรับมือความท้าทายด้านการออกแบบ การจัดซื้อ การผลิต และการวางแผนต้นทุน
นับตั้งแต่เริ่มการผลิตในปี 1906 Kawasaki Railcar Manufacturing Co., Ltd. ได้อยู่แถวหน้าด้านเทคโนโลยีมาโดยตลอด และมีบทบาทสำคัญในวิวัฒนาการของการเดินทางทางราง ด้วยความสามารถทางเทคนิคที่โดดเด่น คุณภาพสูง และกำลังการผลิตที่แข็งแกร่ง บริษัทได้ผลิตรถไฟหลากหลายรุ่นที่กลายเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ทางรถไฟ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและทำให้รถไฟทันสมัย
นอกเหนือจากการดำเนินงานในประเทศแล้ว รถไฟของบริษัทยังรองรับการขนส่งในเมืองในอเมริกาเหนือและเอเชีย โดยเฉพาะในนิวยอร์กและวอชิงตัน ดี.ซี. ในสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ผลิตรถไฟชั้นนำ บริษัทใช้แนวทางการผลิตแบบสั่งทำ โดยออกแบบรถไฟให้ตรงตามความต้องการของแต่ละบริษัทรถไฟ แม้ว่าแนวทางนี้จะมีข้อดีในแง่ความยืดหยุ่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละบริษัทได้ แต่ก็ทำให้เกิดความหลากหลายของชิ้นส่วนมากขึ้น ส่งผลให้การเพิ่มประสิทธิภาพทำได้ยาก การปรับปรุงการจัดซื้อ การทำให้การออกแบบเป็นมาตรฐาน และการลดต้นทุนจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญในการบริหารจัดการ
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ แผนก DTC จึงถูกจัดตั้งขึ้นภายในสำนักงานใหญ่ด้านเทคโนโลยี โดย DTC ย่อมาจาก “Design to Cost” “อย่างที่ชื่อบอก ภารกิจของแผนกเราคือการลดต้นทุนตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เราถูกจัดตั้งขึ้นเป็นทีมเฉพาะกิจเพื่อแก้ปัญหาด้านการออกแบบ การจัดซื้อ การผลิต และการวางแผนต้นทุนจากมุมมอง VE/VA” นาโอกิจากแผนกอธิบาย แผนกนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายฝ่าย ทั้งการออกแบบ การวางแผนต้นทุน การจัดซื้อวัสดุ และการผลิต เพื่อพัฒนากลยุทธ์ด้านราคาสำหรับการวางแผนและการบริหารต้นทุน
ตามคำอธิบายของมาซะ ผู้รับผิดชอบด้านการปรับปรุงการจัดซื้อชิ้นส่วน แนวทางการผลิตแบบสั่งทำของบริษัทเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งทีมโครงการสำหรับแต่ละกรณีของลูกค้า ทีมจะสร้างการออกแบบตามข้อกำหนด และพัฒนาแบบ Drawing การประกอบและชิ้นส่วน “ในระหว่างการออกแบบรายละเอียด นักออกแบบบางครั้งต้องอ้างอิงแบบ Drawing ที่คล้ายกันในอดีต”
“อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดการปัจจุบันของเรายังไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถดึงข้อมูลแบบ Drawing ในอดีตหรือข้อมูลราคาได้อย่างยืดหยุ่น สิ่งนี้เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจนำแบบ Drawing มาใช้ซ้ำอย่างเหมาะสมในงานออกแบบ ส่งผลให้เกิดต้นทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามมา” |
 |
คอขวดของการลดต้นทุน: “ไม่สามารถค้นหาแบบที่จำเป็นได้”
ในขณะที่กำลังมองหาวิธีการลดต้นทุน บริษัทได้รับข้อเสนอจาก CADDi ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมายาวนาน สำหรับการใช้งานระบบคลาวด์ CADDi Drawer เพื่อบริหารจัดการข้อมูลแบบ CADDi Drawer มีฟีเจอร์ที่สามารถอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบในรูปแบบไฟล์ PDF, TIFF และฟอร์แมตอื่น ๆ ได้โดยอัตโนมัติ เมื่ออัปโหลดข้อมูลแบบของบริษัทไปยังคลาวด์ ผู้ใช้งานสามารถค้นหาแบบต่าง ๆ ได้อย่างอิสระโดยใช้คีย์เวิร์ดที่สะดวก เช่น วิธีการแปรรูปและวัสดุ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่วิเคราะห์ไว้
นอกจากนี้ ยังสามารถอ้างอิงแบบในอดีตที่มีรูปร่างคล้ายกันได้ทันทีโดยใช้ข้อมูลรูปร่างแบบ และเมื่ออัปโหลดข้อมูล เช่น ประวัติการสั่งซื้อ ข้อมูลเหล่านั้นสามารถเชื่อมโยงกับแบบได้โดยตรง
การใช้งานระบบเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม 2022 ไม่นานหลังจากที่บริการเปิดตัว เกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกใช้ระบบ Naoki อธิบายว่า…
“เราเจอสถานการณ์ที่ต้องการแบบ Drawing ในอดีตที่จะเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง แต่เราไม่สามารถค้นหามันได้เมื่อต้องผลิตรถไฟต่างรุ่น การแก้ปัญหานี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจนำระบบมาใช้”
แม้ว่าบริษัทจะเคยนำระบบจัดการข้อมูลแบบ Drawing มาใช้ก่อนหน้านี้ แต่ระบบนั้นไม่สามารถค้นหาข้อความในแบบ Drawing ได้ ทำให้ผู้ใช้ต้องตรวจสอบแบบ Drawing ทีละแบบด้วยสายตา นอกจากนี้ คำสำคัญที่ใช้ค้นหาแบบ Drawing ในระบบถูกจำกัดแค่เพียงหมายเลขชิ้นส่วน เนื่องจากชื่อไฟล์ข้อมูลถูกจัดการด้วยหมายเลขชิ้นส่วน ในโครงการต่างประเทศ หมายเลขชิ้นส่วนจะเปลี่ยนทุกครั้งที่มีการแก้ไข ทำให้ยากที่จะระบุชิ้นส่วนที่ซ้ำกันและย้อนกลับไปดูแบบ Drawing ต้นฉบับ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลแบบ Drawing และประวัติการสั่งซื้อ
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดจากการไม่สามารถอ้างอิงข้อมูลแบบ Drawing และประวัติการสั่งซื้อในอดีต คือต้นทุนที่พองขึ้นทั้งในการออกแบบและการจัดซื้อ เมื่อนักออกแบบต้องการอ้างอิงแบบ Drawing ที่นำมาใช้ซ้ำได้ พวกเขามักพึ่งพาความทรงจำ โดยคิดว่า “ผมแน่ใจว่าเคยมีแบบ Drawing แบบนี้อยู่ที่ไหนสักแห่ง” หากไม่สามารถค้นหาแบบ Drawing ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว นักออกแบบบางคนก็ตัดสินใจว่าการสร้างแบบ Drawing ใหม่จะเร็วกว่า ส่งผลให้มีแบบ Drawing ใหม่เพิ่มขึ้น
ในแผนกจัดซื้อ เมื่อพนักงานต้องจ้างบริษัทภายนอกผลิตชิ้นส่วน พวกเขาก็เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับชิ้นส่วนที่คล้ายกันที่พนักงานคนอื่นเคยสั่งซื้อไว้ก่อนหน้านี้ได้ยาก ส่งผลให้พนักงานแต่ละคนต้องพึ่งพาประสบการณ์และความรู้ของตนเองในการสั่งซื้อและตัดสินใจเลือกซัพพลายเออร์และราคาเป็นกรณีๆ ไป มาซะได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า…
“มีกรณีที่เราสั่งซื้อชิ้นส่วนที่ไม่ซับซ้อนจากซัพพลายเออร์ที่เชี่ยวชาญงานที่มีความซับซ้อนสูง ส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น”
“กรณีแบบนี้พบได้บ่อยในโรงงานต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนพนักงานฝ่ายสั่งซื้อสูงกว่าการดำเนินงานในประเทศ”
การนำ CADDi Drawer มาใช้เริ่มแสดงให้เห็นสัญญาณของการแก้ปัญหา ตัวอย่างหนึ่งคือการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อ CADDi Drawer มีฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงข้อมูลการสั่งซื้อ เช่น ชื่อซัพพลายเออร์และจำนวนเงิน กับแบบ Drawing แต่ละชิ้นโดยอัตโนมัติ
เมื่อต้องตัดสินใจสั่งซื้อสำหรับแบบ Drawing ใหม่ ผู้ใช้สามารถค้นหาแบบ Drawing ที่คล้ายกันจากฐานข้อมูลของบริษัทได้ทันที และอ้างอิงจำนวนเงินและซัพพลายเออร์ได้ นอกจากนี้ยังทำให้เข้าใจระดับความซับซ้อนของแบบ Drawing ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องอ่านทีละชิ้น ผลที่ได้คือ บริษัทสามารถสร้างรายชื่อซัพพลายเออร์ที่สามารถรับมือกับระดับความซับซ้อนของงานที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถสั่งซื้อกับซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชิ้นส่วนแต่ละชิ้น
เมื่อถูกถามถึงแผนการใช้ระบบในอนาคตภายในแผนก นาโอกิและมาซะได้แสดงวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงการดำเนินงานด้านการออกแบบและการจัดซื้อให้ดียิ่งขึ้น โดยกล่าวว่า “เราต้องการใช้ระบบนี้ไม่เพียงแค่สำหรับการคัดเลือกซัพพลายเออร์และการลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำให้เป็นมาตรฐานตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบต้นน้ำด้วย” และ “ขณะนี้เราได้นำไปใช้กับโครงการต่างประเทศบางส่วนแล้ว และเรามีแผนที่จะขยายขอบเขตการใช้งานในอนาคต”
